เรียนต่ออังกฤษ เริ่มต้นยังไงดี?: คู่มือเรียนต่ออังกฤษสำหรับนักเรียนไทย
เรียนต่ออังกฤษ สำหรับหลาย ๆ คน ความฝันมันเริ่มจากภาพในหัว เดินอยู่ในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ มีประวัติยาวนานใส่เสื้อสัญลักษณ์ของโรงเรียนที่ผู้นำระดับโลกเคยเรียนมา ไม่ใช่แค่เป็นนักเรียนธรรมดา แต่เป็นคนที่ได้เรียนรู้ ได้พัฒนาทักษะ และพร้อมจะออกไปสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกและจุดหมายของฝันนั้นก็คือ “อังกฤษ” ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนประจำสุดคลาสสิกในต่างจังหวัด หรือมหาวิทยาลัยดัง ๆ ใจกลางลอนดอน ที่นี่คือประตูบานใหญ่สู่อนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาส ความมั่นใจ และประสบการณ์ระดับโลก ในคู่มือนี้ เราจะพาคุณไปดูว่า ถ้าอยากก้าวไปถึงฝันนั้น ต้องเริ่มยังไงบ้าง ทีละขั้นแบบเข้าใจง่าย ๆ

Share This Article
สารบัญ
เรียนที่อังกฤษดียังไง? ทำไมถึงต้องเรียนที่นี่
อังกฤษเป็นประเทศที่ผสมผสานความเป็นเลิศทางวิชาการเข้ากับการพัฒนาตนเองได้อย่างลงตัว และนี่คือเหตุผลบางประการที่ทำให้อังกฤษกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเรียนไทย:
การศึกษาคุณภาพระดับโลก อังกฤษมีระบบการศึกษาที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่โรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงไปจนถึงมหาวิทยาลัยระดับโลก การเรียนการสอนในทุกระดับชั้นได้รับการออกแบบมาอย่างมีคุณภาพ
วุฒิการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น GCSEs, A Levels หรือปริญญาระดับมหาวิทยาลัย วุฒิการศึกษาจากสหราชอาณาจักรได้รับการยอมรับจากสถานประกอบการและสถาบันต่าง ๆ ทั่วโลก ช่วยเปิดประตูสู่อนาคตทางอาชีพที่มั่นคง
สภาพแวดล้อมปลอดภัยและหลากหลาย นักเรียนจะได้ใช้ชีวิตท่ามกลางวัฒนธรรมที่หลากหลาย พบเจอผู้คนจากทั่วโลก และรู้สึกอุ่นใจด้วยระบบสนับสนุนด้านความเป็นอยู่ที่ให้ความสำคัญกับนักเรียนเป็นพิเศษ
ชุมชนนักเรียนไทยที่อบอุ่น ด้วยเครือข่าย ชมรม และระบบสนับสนุนของนักเรียนไทยในหลากหลายสถาบัน ทำให้การใช้ชีวิตในอังกฤษเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายและรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
การปรับตัวสู่ระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักร
สำหรับครอบครัวไทย การทำความเข้าใจระบบการศึกษาของอังกฤษอาจดูไม่คุ้นเคยในช่วงแรก แต่เมื่อเข้าใจโครงสร้างแล้ว จะเห็นเส้นทางการเรียนที่ชัดเจนขึ้น
ในประเทศไทย นักเรียนจะเรียนตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1–6 และมัธยมศึกษาปีที่ 1–6 ส่วนในสหราชอาณาจักร โครงสร้างจะต่างออกไปเล็กน้อย:
Primary School (ประถม): อายุ 5–11 ปี
Secondary School (มัธยมต้นถึงมัธยมปลาย): อายุ 11–16 ปี
Sixth Form หรือ College: อายุ 16–18 ปี
University (มหาวิทยาลัย): อายุ 18 ปีขึ้นไป
แทนที่จะเรียน ม.4–6 แบบไทย นักเรียนในอังกฤษจะเรียน GCSEs (อายุประมาณ 14–16 ปี) ก่อน จากนั้นจึงเลือกเรียน A Levels, IB Diploma หรือ BTEC ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย บางคนอาจเลือกเส้นทาง Foundation Year หรือ International Year One (IY1) ซึ่งเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการปรับพื้นฐานและเข้ามหาวิทยาลัยเร็วขึ้น โดยเฉพาะหากมาจากระบบการศึกษาที่ต่างออกไป
สิ่งที่ต่างอย่างชัดเจนคือ ระบบของอังกฤษให้ความสำคัญกับ “การเลือกเจาะลึก” ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยนักเรียนส่วนใหญ่มักจะเลือกเรียนเฉพาะ 3–4 วิชาเท่านั้นหลังอายุ 16 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่มีเป้าหมายชัดเจน ส่วนเด็กไทยที่คุ้นกับการเรียนหลายวิชาแบบกว้าง ๆ อาจต้องปรับตัวกับการตัดสินใจเร็วขึ้นในเส้นทางวิชาการ
แล้วควรเริ่มเรียนเมื่อไหร่ดี?
อายุ 11–13 ปี: เหมาะกับการเข้าเรียนในโรงเรียนประจำชั้นนำของอังกฤษ (Year 7–9)
อายุ 14 ปี: เริ่มต้นโปรแกรม GCSEs ที่ใช้เวลา 2 ปี
อายุ 16 ปี: เข้าเรียน A Levels หรือ IB ได้โดยตรง (Sixth Form)
อายุ 17–18 ปี: เริ่มเรียน Foundation Year หรือ IY1 เพื่อเป็นสะพานสู่มหาวิทยาลัย
เมื่อเข้าใจโครงสร้างการศึกษาของอังกฤษแล้ว ครอบครัวไทยก็สามารถวางแผนเลือกจุดเริ่มต้นที่เหมาะสม ไม่ว่าจะยังเรียนอยู่ในระดับมัธยม หรือตั้งใจวางแผนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรง
โรงเรียนประจำในสหราชอาณาจักร – สำหรับนักเรียนไทย
ลองนึกภาพโรงเรียนที่นักเรียนใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน สวมเครื่องแบบโรงเรียนที่อยากใส่ และรายล้อมด้วยครูที่ไม่ใช่แค่ผู้สอน แต่ยังเป็นที่ปรึกษาหรือครอบครัวที่สองในชีวิตด้วย นั่นแหละคือโลกของ โรงเรียนประจำในอังกฤษ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวิชาการเข้มข้น การพัฒนาตัวตน และประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน
โรงเรียนประจำไม่ใช่แค่ที่เรียนหนังสือ แต่เป็นสถานที่ที่นักเรียนใช้ชีวิต เรียนรู้ และเติบโตไปพร้อมกัน มักตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ หรือใกล้เมืองประวัติศาสตร์ โรงเรียนเหล่านี้เปิดรับทั้งนักเรียนอังกฤษและนักเรียนต่างชาติ โดยมีที่พัก อาหาร กีฬา ดนตรี และการดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ครบถ้วนในที่เดียว
สำหรับครอบครัวไทย การส่งบุตรหลานไปเรียนที่โรงเรียนประจำในอังกฤษ หมายถึงการเปิดประตูสู่โอกาสมากกว่าการเรียนที่เข้มข้น:
ฝึกภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น ด้วยการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา
เรียนรู้ระเบียบวินัย ความเป็นอิสระ และความมั่นใจในตัวเอง
มีเพื่อนจากทั่วโลก สร้างมุมมองและความเข้าใจในระดับสากล
ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากครูประจำบ้าน อาจารย์พี่เลี้ยง และโปรแกรมภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ (EAL)
โรงเรียนประจำในอังกฤษสอนตามหลักสูตรของอังกฤษ โดยมีเส้นทางการเรียนหลักคือ GCSEs, A Levels หรือ IB Diploma ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน
เคล็ดลับ: ลองดูในไดเรกทอรีโรงเรียนประจำของเรา เพื่อค้นหาโรงเรียนที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเรียนไทย
โรงเรียนเหล่านี้มีชื่อเสียงในด้านผลการเรียนที่โดดเด่น อัตราการเข้ามหาวิทยาลัยที่สูง และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนต่างชาติ
ช่วงอายุที่นักเรียนไทยนิยมเข้าเรียน:
อายุ 11 ปีขึ้นไป (Year 7) – เริ่มต้นระดับมัธยมศึกษา
อายุ 13 ปีขึ้นไป (Year 9) – จุดเริ่มต้นยอดนิยมสำหรับชีวิตโรงเรียนประจำ
อายุ 16 ปีขึ้นไป (Year 12) – เข้าสู่ Sixth Form เพื่อเรียน A Levels หรือ IB
ไม่ว่านักเรียนจะมีเป้าหมายเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Oxford หรือแค่ต้องการสร้างมิตรภาพตลอดชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นระบบ โรงเรียนประจำในอังกฤษก็พร้อมมอบรากฐานที่มั่นคงให้ตลอดเส้นทางชีวิต
การเรียนมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร
การเรียนระดับปริญญาในสหราชอาณาจักรถือเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางการศึกษาและการทำงานในระดับโลก ด้วยวุฒิการศึกษาที่ได้รับการยอมรับสากล ระบบการเรียนคุณภาพสูง และเส้นทางอาชีพที่น่าจับตามอง
มหาวิทยาลัยในอังกฤษส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเจาะลึกเฉพาะสาขาวิชา แตกต่างจากระบบที่เน้นการท่องจำ นักเรียนจะได้รับการฝึกฝนให้ตั้งคำถาม วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง
โครงสร้างการเรียนเน้นการเรียนผ่านเลกเชอร์ เซมินาร์ และการเรียนแบบตัวต่อตัว (tutorial) แต่นักเรียนยังต้องบริหารเวลาของตัวเอง ทำวิจัยอิสระ และทำงานกลุ่มร่วมกับเพื่อนในหลักสูตร
ระยะเวลาหลักสูตร
ปริญญาตรี: โดยทั่วไปใช้เวลา 3 ปี
Foundation + ปริญญาตรี: รวมประมาณ 4 ปี
ปริญญาโท: ส่วนใหญ่เรียน 1 ปี
Sandwich course: หลักสูตรที่มีการฝึกงาน 1 ปี (มักพบบ่อยในสาขาธุรกิจและวิศวกรรม)
มหาวิทยาลัยยอดนิยมในหมู่นักเรียนไทย
University of Manchester
University of Birmingham
University of Edinburgh
King’s College London
University of the Arts London
Queen Mary University of London
การสนับสนุนนักเรียนไทย
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มักมีสำนักงานนักเรียนต่างชาติ (International Office) และชมรมนักเรียนไทยที่จัดกิจกรรมวัฒนธรรม ระบบพี่เลี้ยง และกิจกรรมสร้างเครือข่ายต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้นักเรียนใหม่ปรับตัวได้ง่ายขึ้น ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ และรู้สึกใกล้ชิดแม้อยู่ไกลบ้าน
โอกาสทำงานหลังเรียนจบ
วุฒิการศึกษาจากสหราชอาณาจักรได้รับการยอมรับทั่วโลก นักเรียนไทยจำนวนมากเลือกอยู่ต่อภายใต้วีซ่า Graduate Route ซึ่งอนุญาตให้ทำงานในอังกฤษต่อได้อีก 2 ปีหลังเรียนจบ ขณะที่บางคนเลือกกลับประเทศไทยพร้อมด้วยวุฒิที่โดดเด่นและเป็นที่ต้องการของตลาดงาน
การสมัครเรียนต่อประเทศอังกฤษ
สมัครเข้าโรงเรียนประจำในอังกฤษ
โรงเรียนประจำส่วนใหญ่มักรับสมัครล่วงหน้า 1–2 ปี โดยทั่วไปเอกสารและขั้นตอนที่ต้องเตรียม ได้แก่:
รายงานผลการเรียนล่าสุด
ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (เช่น UKiset หรือแบบทดสอบเฉพาะของแต่ละโรงเรียน)
การสัมภาษณ์ (ออนไลน์หรือพบตัว)
แบบฟอร์มสมัครเรียนและค่าธรรมเนียมการสมัคร
บางโรงเรียนอาจมีการสอบเข้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะในระดับ Year 9 หรือ Year 12
สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอังกฤษ
การสมัครมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรใช้ระบบกลางที่เรียกว่า UCAS นักเรียนสามารถเลือกสมัครได้สูงสุด 5 หลักสูตร โดยยื่นใบสมัครเพียงครั้งเดียว เอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่:
ใบแสดงผลการเรียน
คะแนนคาดการณ์ (Predicted Grades)
ผลสอบภาษาอังกฤษ (โดยทั่วไปใช้ IELTS UKVI)
Personal Statement (เรียงความแนะนำตัวและแรงบันดาลใจ)
จดหมายรับรองจากอาจารย์
กำหนดเวลาสำคัญ
15 ตุลาคม: สำหรับ Oxbridge (Oxford & Cambridge), แพทย์, ทันตแพทย์ และสัตวแพทย์
31 มกราคม: สำหรับหลักสูตรทั่วไปส่วนใหญ่
กำหนดเวลายืดหยุ่น: สำหรับหลักสูตร Foundation และมหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่ง
การหาหลักสูตรที่ใช่ มหาวิทยาลัยที่เหมาะสม และจัดการกับเส้นตายต่าง ๆ อาจรู้สึกซับซ้อนสำหรับหลายครอบครัว แต่ไม่ต้องกังวล — ที่ Britannia เรามีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาฟรีทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ากำลังเดินมาถูกทาง
ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรีจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่ออังกฤษ
การใช้ชีวิตในสหราชอาณาจักรในฐานะนักเรียนไทย
เช้าวันแรกของคุณในอังกฤษ อากาศเย็นสดชื่น เสียงกระดิ่งดังแว่ว ๆ หรืออาจเป็นนาฬิกาปลุกในมือถือ ไม่ว่าคุณจะก้าวเข้าสู่โรงเรียนประจำเก่าแก่ หรือกำลังจัดกระเป๋าในหอพักมหาวิทยาลัย สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ: ชีวิตที่นี่มีจังหวะของตัวเอง
ถ้าอยู่โรงเรียนประจำ
ชีวิตในโรงเรียนมีโครงสร้างชัดเจน ตื่นเช้า กินข้าว เข้ารวมตัวตอนเช้า จากนั้นก็เรียน สลับกับมื้อกลางวัน กีฬา เวลาทบทวนบทเรียน และกิจกรรมช่วงเย็น คุณจะอยู่ท่ามกลางเพื่อน ครู และเจ้าหน้าที่ดูแลประจำบ้านที่รู้จักคุณดี พร้อมช่วยเหลือหากคุณมีอะไรไม่สบายใจ
เรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่เดียวกันแบบไม่ต้องกังวลว่าจะเหงา
ถ้าอยู่มหาวิทยาลัย
ชีวิตจะเปิดกว้างมากขึ้น คุณคือผู้กำหนดตารางของตัวเอง จะเลือกอยู่หอพักนักศึกษากับเพื่อนใหม่ อยู่โฮมสเตย์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้าน หรือเช่าห้องส่วนตัวแบบอิสระเต็มที่ ก็ขึ้นอยู่กับคุณ
อิสระมาไว แต่ความรับผิดชอบก็มาด้วยเช่นกัน ทั้งเรื่องบริหารเวลา ทำอาหาร จัดการค่าใช้จ่าย และหาจุดสมดุลระหว่างเรียนกับชีวิต สิ่งเหล่านี้คือบทเรียนสำคัญที่นอกเหนือจากในห้องเรียน
นอกห้องเรียนก็มีสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
กิจกรรมชมรม กีฬาช่วงเย็น ทริปวันหยุดสุดสัปดาห์ และสมาคมนักเรียนไทยที่มีอยู่ในหลายโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีแค่ไว้ให้หายเหงา หรือหายคิดถึงบ้าน แต่เป็นเหมือนครอบครัวที่สองในต่างแดน
ค่าใช้จ่ายก็แตกต่างกันไปตามเมือง
ลอนดอน: เมืองใหญ่ คึกคัก แต่ค่าครองชีพสูง
เมืองอื่น ๆ เช่น Sheffield, Coventry, Southampton: สงบกว่า ค่าเช่าถูกกว่า
โดยรวมแล้ว ค่าครองชีพอยู่ที่ประมาณ £800–£1,300 ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคน
ส่วนใหญ่นักเรียนไทยมักจะปรับตัวได้เร็ว เพราะมีทั้งร้านไทยใกล้ที่พัก อาหารไทยที่กินเมื่อไหร่ก็ฮีลใจ วันเสาร์อาทิตย์อาจได้แวะไปสถานที่น่าสนใจใกล้ ๆ สักแห่ง จนสุดท้าย อังกฤษไม่ใช่แค่ “ที่เรียน” แต่กลายเป็น “บ้านอีกหลัง” ที่น่าจดจำและชวนให้คิดถึงเมื่อเรียนจบ
ไม่ว่าคุณจะอายุ 14 หรือ 21 ปี การมาเรียนที่นี่ ไม่ได้มีแค่เรื่องเกรด
แต่คือ “ประสบการณ์” ที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต
ป.ล. อยากเห็นไหมว่าชีวิตนักเรียนไทยในอังกฤษเป็นยังไง? เรามีวิดิโอให้ดูด้วยนะ!
สรุปการเรียนที่อังกฤษคุ้มค่ากับการลงทุนไหม?
ไม่ว่าจะเริ่มจากโรงเรียนประจำที่มีระบบเป๊ะ ๆ หรือมหาวิทยาลัยที่เปิดกว้างให้ลองใช้ชีวิตเอง เส้นทางการเรียนที่อังกฤษมันเริ่มตั้งแต่เรากล้าตัดสินใจเลือกที่นี่ มันไม่ใช่แค่เรื่องนั่งเรียนหรือสอบให้ผ่านแต่มันคือการโตขึ้น ได้รู้จักคนจากหลายประเทศ และได้รู้ว่า…เราชอบอะไร อยากเป็นอะไร สำหรับนักเรียนไทยที่อยากลองก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ
อังกฤษให้ทั้งโอกาส ความอิสระ และประสบการณ์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ง่าย ๆ
สรุปแบบไม่ต้องคิดเยอะ ถ้าคุณเปิดใจ และพร้อมเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน
มันคุ้มแน่นอน
พูดคุยกับเราเพื่อปรึกษาเรื่องการเรียนต่อที่อังกฤษกับผู้เชี่ยวชาญ
